MAKE IT HAPPEN
SPECIAL : 02
ในตอนนี้ฉันอ่อนแอ
คงเป็นเพราะรับความจริงยังไม่ค่อยไหว
ทันทีที่ฟังเพลงยังไม่จบท่อนแรกดี มิกกี้ใช้สายตาส่งสัญญาณหาบอมบ์ที่นั่งอยู่ใกล้ที่ชาร์จแบตให้กดเปลี่ยนเพลงในโทรศัพท์ก่อนที่เอ้จะมีสติพอประมวลความหมายของเพลงได้
เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินอีก บอมบ์กดปิดเพลงในที่สุด
สักพักแล้วที่พวกเขาสามคนมานั่งรวมกันอยู่ในห้องของมิกกี้ บรรยากาศค่อนข้างอึดอัดเล็กน้อยเพราะจากที่ตั้งใจจะมานั่งปลอบเพื่อนที่หายไปตั้งแต่เกิดเรื่องกลับกลายเป็นว่าพอเจอหน้ากันอีกครั้ง เอ้กลับดูสงบกว่าที่คาดการณ์ไว้
“ไอ้เหี้ยมิกกี้”
“อะไร”
“มึงเก็บของกูมาไม่หมด”
“ขาดอะไรวะ กูก็ขนเท่าที่กูช่วยมึงขนมาจากห้องไอ้นิวอ่ะ”
“ขาดอันหนึ่ง อันนี้มึงไม่เคยเห็นไง เลยคงไม่ได้หยิบมา”
เอ้ทุบหัวตัวเองคล้ายกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาออก
“เดี๋ยวกูไปหยิบมาเอง”
ไม่ทันได้เอ่ยปากห้าม เอ้ลุกขึ้นพรวดออกจากวง ทิ้งไว้แต่มิกกี้กับบอมบ์ที่ยังคงนั่งมองหน้ากันอยู่บนพื้นที่เดิม
“เอ้มันลืมอะไรวะ”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เอ้หยุดขาอยู่ที่หน้าห้องของหยก
มือจับลูกบิดประตูด้วยหัวใจที่สั่นระรัว ความหวาดกลัวจากภาพความทรงจำกำลังแล่นอยู่ในหัว เอ้หลับตาลงหนีภาพเหล่านั้น สูบลมหายใจเข้า และผลักประตูออกด้วยหัวใจที่หยุดเต้นไปชั่วขณะหลังเห็นภาพข้างใน
เป็นคนที่ไม่อยากเจอที่สุด เป็นคนที่อยากเจอที่สุด
เป็นหยกที่นั่งอยู่ปลายเตียง ในมือกำลังเล่นกับสมุดปกหนังเล่มหนึ่งโดยการจับพลิกไปมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาหาทางคนที่เพิ่งปิดประตูอย่างใจลอยจนเกิดเสียง
เอ้ยังยืนอยู่ที่เดิม เช่นเดียวกับหยกที่ไม่ได้ขยับไปไหน
ราวกับเวลาได้แช่แข็งทุกอย่าง สบตากันอย่างนั้นสักพัก จนกระทั่งความร้อนที่ขอบตาของเอ้เกิดขึ้นพร้อมเสียงของหยกที่เอ่ยถาม
“มึงมาเอานี่ใช่มั้ย”
“เออ”
เอ้เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา ยืนมือออกไปจับสมุดที่ตั้งใจมาเอาออกจากมือหยกที่นั่งอยู่ ปากกาที่เสียบคาอยู่ในนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่าสมุดเล่มนี้เพิ่งถูกนำกลับมาเขียนครั้งล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้
ประมาณสองวันที่แล้วได้ เอ้จำได้ว่าตัวเองเป็นคนหยิบสมุดที่เคยเก็บไว้ในกล่องที่ล็อคด้วยแม่กุญแจเป็นเวลาปีกว่า ๆ ออกมาเขียนใหม่เองกับมือ
ไม่ได้ยื้อแย่งเล่นกันเหมือนในอดีต หยกปล่อยสมุดคืนเจ้าของอย่างง่ายดาย
แต่กลับคว้ามือของเอ้ข้างที่ถือสมุดเอาไว้แทน
คราวนี้ไม่ใช่ความร้อน แต่เป็นน้ำใส ๆ ที่คลอออกมาจนใบหน้าของหยกเริ่มไม่ชัดเจน
“ถ้ากูขอให้มึงไม่ไป มึงจะอยู่หรือเปล่าวะ”
“……..”
“……..”
“อยู่ดิ”
เอ้เลือกที่จะตอบตามความจริง เงยหน้ามองเพดานให้น้ำตาไหลกลับ ก่อนจะกลับมามองหน้าคนที่ยังไม่ยอมปล่อยมือใหม่อีกครั้ง
ฟันเล็กกัดลงบนริมฝีปากล่างของตัวเอง มองดูรอยช้ำที่มุมปากอีกฝ่าย สัมผัสมันเบา ๆ ด้วยนิ้วโป้งจากมืออีกข้างที่ว่างอยู่
สภาพภายนอกของหยกค่อนข้างแย่
แต่แย่สู้ภายในจิตใจของเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
สัมผัสที่มุมปาก ทำให้รู้สึกได้ถึงแรงกระชับที่มือของเราทั้งสอง
กลายเป็นหยกที่เริ่มมองภาพของเอ้ตรงหน้าไม่ชัดบ้าง
“แต่มึงช่วยอย่ารั้งกูเลยนะ”
“……….”
“เพราะถ้ามึงรั้งกูจริงๆ กูต้องไม่ยอมไปไหนแน่ๆ”
“……..”
“เป็นชู้กูก็เอานะตอนนี้” เอ้พูดกลั้วหัวเราะกลบเสียงที่สั่นเทาของตัวเอง ก่อนจะเลื่อนมือข้างที่เคยสัมผัสมุมปากขึ้นไปวางบนกลุ่มผมสีส้มและลูบมันเบาๆ “ปล่อยกูไปเถอะ กูเหนื่อยพอแล้ว”
“…เอ้ กู–”
“มึงทำกูพังจนกูจะไม่เหลืออะไรอยู่แล้วหยก”
คล้ายกับเด็กที่กำลังจะถูกทิ้ง เอวผอมที่อยู่ตรงหน้าของหยกถูกคว้าเข้ามากอด หยดน้ำตาอุ่น ๆ ที่รู้สึกได้ผ่านเนื้อผ้าทำให้เอ้ยกมือขึ้นมาลูบหลังคนที่ร้องไห้ออกมาก่อนเขา
“มึงจะร้องทำไมเนี่ย กูสิที่ต้องร้อง”
ไม่ทันขาดคำ น้ำตาที่พยายามกั้นอย่างสุดความสามารถก็ไหลออกมาจนได้ ตามด้วยเสียงสะอื้นที่เก็บไว้ไม่อยู่อีกต่อไป หยกยังไม่ได้ละใบหน้าออก แม้เอ้จะตัวสั่นจากแรงสะอื้นแค่ไหน
เสียงอู้อี้จากปากของหยกทำให้เอ้พยายามกั้นเสียงตัวเองเพื่อตั้งใจฟัง
“เราวางแผนจะทำอะไรด้วยกันตั้งหลายอย่าง แต่กูกลับทำให้มึงไม่ได้สักอย่าง”
“………”
“ทั้งที่เราสัญญากันไว้แล้ว”
“ช่างมันเถอะหยก”
เอ้พูดตัดบท เขาไม่อยากรับฟัง เช่นเดียวกับที่ไม่อยากกลับไปหาคนที่เอาแต่ทำร้ายจิตใจเขา ๆ ซ้ำ
“ต่อไปนี้มึงแค่เลิกสงสารกูอีกก็พอ” ขอเพียงแค่นี้จริง ๆ
ทว่าแรงสั่นจากโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวของหยกทำให้เอ้ค่อย ๆ ละตัวเองออกจากคนที่กอดเอวเขาไว้แน่น ชื่อของเบอร์โทรที่แสดงบนหน้าจอทำให้เอ้ปาดน้ำตาตัวเองลวก ๆ พยายามดึงตัวเองออกจากหยกโดยการคว้าโทรศัพท์ของหยกขึ้นมาไว้ในมือและยื่นให้ตรงหน้า
“มึงรับสายน้องโปรดเหอะ”
หยกมองหน้าเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ แววตาสะท้อนความรู้สึกมากมายที่เขาไม่คิดจะอ่านมันอีกครั้ง เอ้จับมือหยกขึ้นมาและยัดโทรศัพท์ใส่มือ จับบังคับจนหยกยอมถือโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้รับสายไว้
“กูไปนะ”
หยกหลับตาลง ก้มหน้า พยักเบา ๆ รับรู้
และนั่นคือจากลาของเรา
ประตูห้องของหยกถูกเปิดออกอีกครั้ง เอ้ใช้เวลาไม่กี่วินาทีจากการหันหลังกลับปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ ก่อนความพยายามจะทลายลงเมื่อมิกกี้กับบอมบ์ยืนรออยู่ที่หน้าประตู
“ไอ้เอ้ขี้แย”
“ร้องไห้อีกแล้วล่ะสิ กลัวไม่ได้บทดาวพระศุกร์เหรอ”
“………”
“เอ้ มึงยังมีพวกกูอยู่นะเว้ย”
ปัง!!!
และเสียงของวัตถุบางอย่างที่กระแทกเข้ากับประตูจากฝั่งข้างในห้องของหยกก็ทำให้สะดุ้งจนต้องหันมองทางเดียวกัน
“มึงไปดูมันไป” บอมบ์พยักหน้ารับมิกกี้ เปิดประตูเข้าไปในห้องที่เป็นต้นเหตุของเสียง
พอประตูปิดลงสนิท แรงสะอื้นที่พยายามกั้นไว้ก็กลบไม่อยู่ บ่าข้างซ้ายของมิกกี้กลายเป็นที่ซับน้ำตาของคนที่พุ่งเข้ามากอด มิกกี้ยกมือขึ้นกอดกลับอย่างหลวม ๆ
“กูไม่อยากปลอบมึงแล้วนะ อย่าเสียใจบ่อย ๆ ได้มั้ย”
เอ้พยักหน้าทั้งที่ยังซบอยู่บนบ่า
จริงอย่างที่มิกกี้ว่า มิกกี้เคยอยู่ในเหตุการณ์ที่เอ้เสียใจมานับครั้งไม่ถ้วน หนักหน่อยก็เวลาที่เอ้เลิกกับแฟน ครั้งแรกเขาจำได้ว่าเอ้นั้นนิ่งเฉยจนดูน่ากลัวทั้งที่มันเป็นความรักครั้งแรก แต่แค่วางมือลงบนไหล่ในตอนนั้นน้ำตามันก็ไหลออกมาราวกับสั่งได้และไม่มีทางจะหยุด ส่วนครั้งที่สอง เอ้อยู่ในอารมณ์ที่โมโห โมโหจนร้องไห้ออกมา ก่นด่าทั้งน้ำตาจนเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น
และนี่เป็นครั้งที่สาม
ครั้งที่สามที่เกิดขึ้นจากคนเดิมที่เป็นครั้งแรก
เอ้ปล่อยโฮออกมาพร้อมกับขาที่อ่อนแรงจนต้องลงไปนั่งกองกับพื้น มิกกี้พยายามรั้งตัวไว้ จนสุดท้ายก็กลายเป็นว่าต้องมานั่งยอง ๆ กอดเพื่อนต่อที่พื้น
ระหว่างนั้นก็บังเอิญชายสายตาไปเห็นสมุดที่เอ้ถือออกมาจากห้องหยก
หน้าปกหนังถูกเปิดออก เผยให้เห็นหน้ารองปกที่อยู่ข้างใน
เป็นลายมือของคนสองคนที่มิกกี้จำได้ดี
Traveling in Stratford
ของเอ้ +หยกแฟนเอ้ จะไปด้วย:)
“มิกกี้”
“………”
“ทำไงดี”
“……….”
“กูยังอยากไปสแตรทฟอร์ดกับมัน”
มิกกี้ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาแค่กระชับกอดให้แน่นกว่าเดิม รับฟังเสียงที่พร่ำเพ้อออกมาคล้ายกับคนไม่มีสติ
เอ้ไม่แน่ใจว่าในอดีตเคยเจ็บยิ่งกว่านี้หรือเปล่า จำไม่ได้ว่าเคยร้องไห้จะเป็นจะตายแบบนี้ไหม และไม่ได้คิดเผื่อว่าจะหัวเราะอย่างไรถ้าเรื่องในวันนี้กลายเป็นเรื่องตลกที่ถูกขุดขึ้นมาล้อในวงเหล้า
เขารู้แค่ปัจจุบัน
ในวันนี้
ณ ตอนนี้
ความรักครั้งนี้
ทุกอย่างมันสาหัสมากจริงๆ
.....................
12/11/2017
คราวนี้รอยต่ออยู่ในช่วงที่เอ้มาเอาของที่มิกกี้เก็บให้ในตอน15นะคะ
แล้วก็เห็นหลายคนมีเรื่องที่คาใจกัน... เราก็ได้แต่บอกว่าหกคู่ที่เราติดแท็กมีสเปทุกคู่นะคะ555555
#มอฮพ