MAKE IT HAPPEN
SPECIAL : 02







ในตอนนี้ฉันอ่อนแอ
คงเป็นเพราะรับความจริงยังไม่ค่อยไหว



ทันทีที่ฟังเพลงยังไม่จบท่อนแรกดี มิกกี้ใช้สายตาส่งสัญญาณหาบอมบ์ที่นั่งอยู่ใกล้ที่ชาร์จแบตให้กดเปลี่ยนเพลงในโทรศัพท์ก่อนที่เอ้จะมีสติพอประมวลความหมายของเพลงได้

เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินอีก บอมบ์กดปิดเพลงในที่สุด

สักพักแล้วที่พวกเขาสามคนมานั่งรวมกันอยู่ในห้องของมิกกี้ บรรยากาศค่อนข้างอึดอัดเล็กน้อยเพราะจากที่ตั้งใจจะมานั่งปลอบเพื่อนที่หายไปตั้งแต่เกิดเรื่องกลับกลายเป็นว่าพอเจอหน้ากันอีกครั้ง เอ้กลับดูสงบกว่าที่คาดการณ์ไว้

“ไอ้เหี้ยมิกกี้”

“อะไร”

“มึงเก็บของกูมาไม่หมด”

“ขาดอะไรวะ กูก็ขนเท่าที่กูช่วยมึงขนมาจากห้องไอ้นิวอ่ะ”

“ขาดอันหนึ่ง อันนี้มึงไม่เคยเห็นไง เลยคงไม่ได้หยิบมา”

เอ้ทุบหัวตัวเองคล้ายกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาออก

“เดี๋ยวกูไปหยิบมาเอง”

ไม่ทันได้เอ่ยปากห้าม เอ้ลุกขึ้นพรวดออกจากวง ทิ้งไว้แต่มิกกี้กับบอมบ์ที่ยังคงนั่งมองหน้ากันอยู่บนพื้นที่เดิม

“เอ้มันลืมอะไรวะ”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”



เอ้หยุดขาอยู่ที่หน้าห้องของหยก

มือจับลูกบิดประตูด้วยหัวใจที่สั่นระรัว ความหวาดกลัวจากภาพความทรงจำกำลังแล่นอยู่ในหัว เอ้หลับตาลงหนีภาพเหล่านั้น สูบลมหายใจเข้า และผลักประตูออกด้วยหัวใจที่หยุดเต้นไปชั่วขณะหลังเห็นภาพข้างใน

เป็นคนที่ไม่อยากเจอที่สุด เป็นคนที่อยากเจอที่สุด

เป็นหยกที่นั่งอยู่ปลายเตียง ในมือกำลังเล่นกับสมุดปกหนังเล่มหนึ่งโดยการจับพลิกไปมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาหาทางคนที่เพิ่งปิดประตูอย่างใจลอยจนเกิดเสียง

เอ้ยังยืนอยู่ที่เดิม เช่นเดียวกับหยกที่ไม่ได้ขยับไปไหน

ราวกับเวลาได้แช่แข็งทุกอย่าง สบตากันอย่างนั้นสักพัก จนกระทั่งความร้อนที่ขอบตาของเอ้เกิดขึ้นพร้อมเสียงของหยกที่เอ่ยถาม

“มึงมาเอานี่ใช่มั้ย”

“เออ”

เอ้เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา ยืนมือออกไปจับสมุดที่ตั้งใจมาเอาออกจากมือหยกที่นั่งอยู่ ปากกาที่เสียบคาอยู่ในนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่าสมุดเล่มนี้เพิ่งถูกนำกลับมาเขียนครั้งล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้

ประมาณสองวันที่แล้วได้ เอ้จำได้ว่าตัวเองเป็นคนหยิบสมุดที่เคยเก็บไว้ในกล่องที่ล็อคด้วยแม่กุญแจเป็นเวลาปีกว่า ๆ ออกมาเขียนใหม่เองกับมือ

ไม่ได้ยื้อแย่งเล่นกันเหมือนในอดีต หยกปล่อยสมุดคืนเจ้าของอย่างง่ายดาย

แต่กลับคว้ามือของเอ้ข้างที่ถือสมุดเอาไว้แทน

คราวนี้ไม่ใช่ความร้อน แต่เป็นน้ำใส ๆ ที่คลอออกมาจนใบหน้าของหยกเริ่มไม่ชัดเจน

“ถ้ากูขอให้มึงไม่ไป มึงจะอยู่หรือเปล่าวะ”

……..

……..

“อยู่ดิ”

เอ้เลือกที่จะตอบตามความจริง เงยหน้ามองเพดานให้น้ำตาไหลกลับ ก่อนจะกลับมามองหน้าคนที่ยังไม่ยอมปล่อยมือใหม่อีกครั้ง

ฟันเล็กกัดลงบนริมฝีปากล่างของตัวเอง มองดูรอยช้ำที่มุมปากอีกฝ่าย สัมผัสมันเบา ๆ ด้วยนิ้วโป้งจากมืออีกข้างที่ว่างอยู่

สภาพภายนอกของหยกค่อนข้างแย่

แต่แย่สู้ภายในจิตใจของเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

สัมผัสที่มุมปาก ทำให้รู้สึกได้ถึงแรงกระชับที่มือของเราทั้งสอง

กลายเป็นหยกที่เริ่มมองภาพของเอ้ตรงหน้าไม่ชัดบ้าง

“แต่มึงช่วยอย่ารั้งกูเลยนะ”

……….

“เพราะถ้ามึงรั้งกูจริงๆ กูต้องไม่ยอมไปไหนแน่ๆ”

……..                                              

“เป็นชู้กูก็เอานะตอนนี้” เอ้พูดกลั้วหัวเราะกลบเสียงที่สั่นเทาของตัวเอง  ก่อนจะเลื่อนมือข้างที่เคยสัมผัสมุมปากขึ้นไปวางบนกลุ่มผมสีส้มและลูบมันเบาๆ “ปล่อยกูไปเถอะ กูเหนื่อยพอแล้ว”

เอ้ กู

“มึงทำกูพังจนกูจะไม่เหลืออะไรอยู่แล้วหยก”

คล้ายกับเด็กที่กำลังจะถูกทิ้ง เอวผอมที่อยู่ตรงหน้าของหยกถูกคว้าเข้ามากอด หยดน้ำตาอุ่น ๆ ที่รู้สึกได้ผ่านเนื้อผ้าทำให้เอ้ยกมือขึ้นมาลูบหลังคนที่ร้องไห้ออกมาก่อนเขา

“มึงจะร้องทำไมเนี่ย กูสิที่ต้องร้อง”

ไม่ทันขาดคำ น้ำตาที่พยายามกั้นอย่างสุดความสามารถก็ไหลออกมาจนได้ ตามด้วยเสียงสะอื้นที่เก็บไว้ไม่อยู่อีกต่อไป หยกยังไม่ได้ละใบหน้าออก แม้เอ้จะตัวสั่นจากแรงสะอื้นแค่ไหน

เสียงอู้อี้จากปากของหยกทำให้เอ้พยายามกั้นเสียงตัวเองเพื่อตั้งใจฟัง

“เราวางแผนจะทำอะไรด้วยกันตั้งหลายอย่าง แต่กูกลับทำให้มึงไม่ได้สักอย่าง”

………

“ทั้งที่เราสัญญากันไว้แล้ว”

“ช่างมันเถอะหยก”

เอ้พูดตัดบท เขาไม่อยากรับฟัง เช่นเดียวกับที่ไม่อยากกลับไปหาคนที่เอาแต่ทำร้ายจิตใจเขา ๆ ซ้ำ

“ต่อไปนี้มึงแค่เลิกสงสารกูอีกก็พอ” ขอเพียงแค่นี้จริง ๆ

ทว่าแรงสั่นจากโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวของหยกทำให้เอ้ค่อย ๆ ละตัวเองออกจากคนที่กอดเอวเขาไว้แน่น ชื่อของเบอร์โทรที่แสดงบนหน้าจอทำให้เอ้ปาดน้ำตาตัวเองลวก ๆ พยายามดึงตัวเองออกจากหยกโดยการคว้าโทรศัพท์ของหยกขึ้นมาไว้ในมือและยื่นให้ตรงหน้า

“มึงรับสายน้องโปรดเหอะ”

หยกมองหน้าเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ แววตาสะท้อนความรู้สึกมากมายที่เขาไม่คิดจะอ่านมันอีกครั้ง เอ้จับมือหยกขึ้นมาและยัดโทรศัพท์ใส่มือ จับบังคับจนหยกยอมถือโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้รับสายไว้

“กูไปนะ”

หยกหลับตาลง ก้มหน้า พยักเบา ๆ รับรู้

และนั่นคือจากลาของเรา



ประตูห้องของหยกถูกเปิดออกอีกครั้ง เอ้ใช้เวลาไม่กี่วินาทีจากการหันหลังกลับปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ ก่อนความพยายามจะทลายลงเมื่อมิกกี้กับบอมบ์ยืนรออยู่ที่หน้าประตู

“ไอ้เอ้ขี้แย”

“ร้องไห้อีกแล้วล่ะสิ กลัวไม่ได้บทดาวพระศุกร์เหรอ”

………

“เอ้ มึงยังมีพวกกูอยู่นะเว้ย”

ปัง!!!

และเสียงของวัตถุบางอย่างที่กระแทกเข้ากับประตูจากฝั่งข้างในห้องของหยกก็ทำให้สะดุ้งจนต้องหันมองทางเดียวกัน

“มึงไปดูมันไป” บอมบ์พยักหน้ารับมิกกี้ เปิดประตูเข้าไปในห้องที่เป็นต้นเหตุของเสียง

พอประตูปิดลงสนิท แรงสะอื้นที่พยายามกั้นไว้ก็กลบไม่อยู่ บ่าข้างซ้ายของมิกกี้กลายเป็นที่ซับน้ำตาของคนที่พุ่งเข้ามากอด มิกกี้ยกมือขึ้นกอดกลับอย่างหลวม ๆ

“กูไม่อยากปลอบมึงแล้วนะ อย่าเสียใจบ่อย ๆ ได้มั้ย”

เอ้พยักหน้าทั้งที่ยังซบอยู่บนบ่า

จริงอย่างที่มิกกี้ว่า มิกกี้เคยอยู่ในเหตุการณ์ที่เอ้เสียใจมานับครั้งไม่ถ้วน หนักหน่อยก็เวลาที่เอ้เลิกกับแฟน ครั้งแรกเขาจำได้ว่าเอ้นั้นนิ่งเฉยจนดูน่ากลัวทั้งที่มันเป็นความรักครั้งแรก แต่แค่วางมือลงบนไหล่ในตอนนั้นน้ำตามันก็ไหลออกมาราวกับสั่งได้และไม่มีทางจะหยุด ส่วนครั้งที่สอง เอ้อยู่ในอารมณ์ที่โมโห โมโหจนร้องไห้ออกมา ก่นด่าทั้งน้ำตาจนเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น

และนี่เป็นครั้งที่สาม

ครั้งที่สามที่เกิดขึ้นจากคนเดิมที่เป็นครั้งแรก

เอ้ปล่อยโฮออกมาพร้อมกับขาที่อ่อนแรงจนต้องลงไปนั่งกองกับพื้น มิกกี้พยายามรั้งตัวไว้ จนสุดท้ายก็กลายเป็นว่าต้องมานั่งยอง ๆ กอดเพื่อนต่อที่พื้น

ระหว่างนั้นก็บังเอิญชายสายตาไปเห็นสมุดที่เอ้ถือออกมาจากห้องหยก

หน้าปกหนังถูกเปิดออก เผยให้เห็นหน้ารองปกที่อยู่ข้างใน

เป็นลายมือของคนสองคนที่มิกกี้จำได้ดี


Traveling in Stratford
ของเอ้ +หยกแฟนเอ้ จะไปด้วย:)


 “มิกกี้”

………

“ทำไงดี”

……….

“กูยังอยากไปสแตรทฟอร์ดกับมัน”

มิกกี้ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาแค่กระชับกอดให้แน่นกว่าเดิม รับฟังเสียงที่พร่ำเพ้อออกมาคล้ายกับคนไม่มีสติ

เอ้ไม่แน่ใจว่าในอดีตเคยเจ็บยิ่งกว่านี้หรือเปล่า จำไม่ได้ว่าเคยร้องไห้จะเป็นจะตายแบบนี้ไหม และไม่ได้คิดเผื่อว่าจะหัวเราะอย่างไรถ้าเรื่องในวันนี้กลายเป็นเรื่องตลกที่ถูกขุดขึ้นมาล้อในวงเหล้า

เขารู้แค่ปัจจุบัน

ในวันนี้

ณ ตอนนี้

ความรักครั้งนี้

ทุกอย่างมันสาหัสมากจริงๆ













  
 .....................
12/11/2017
คราวนี้รอยต่ออยู่ในช่วงที่เอ้มาเอาของที่มิกกี้เก็บให้ในตอน15นะคะ
แล้วก็เห็นหลายคนมีเรื่องที่คาใจกัน... เราก็ได้แต่บอกว่าหกคู่ที่เราติดแท็กมีสเปทุกคู่นะคะ555555
#มอฮพ
MAKE IT HAPPEN
SPECIAL : 01







โค้ก มึงคิดอะไรกับเพื่อนกูป่ะเนี่ย

‘……….’

ชอบไอ้เพ้นท์มันอ่ะดิ

ไม่ได้ชอบ

‘……….’

มึงนี่ชอบถามอะไรแปลกๆว่ะจู

‘……….’

เนอะเพ้นท์

อือ จูอ่ะ ชอบคิดอะไรแปลกๆ



ถ้าย้อนกลับไปวันนั้น และเขาบอกว่าชอบออกไป
ความสัมพันธ์ของเราจะเปลี่ยนไปไหม
รอยยิ้มของเพ้นท์ เขาจะยังได้รับมันแบบนี้อยู่หรือเปล่า



รถเข็นผัดไทยเล็กๆข้าง khaosan 1986 ถูกจับจองโดยเด็กนิเทศทั้งสี่ หลังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ตรวจสถานบันเทิงให้ปิดตามเวลาจนมาถึง brick bar ที่พวกเขาใช้เป็นที่เก็บตัวสำหรับค่ำคืนนี้

พอสั่งผัดไทยกับลุงเจ้าของร้านเสร็จ เมฆชี้ไปยังโต๊ะวางให้โค้กประคองเพ้นท์เข้าไปนั่ง ในขณะที่ตัวเองยืนรอรับผัดไทยอยู่หน้าร้าน ยืนกอดอกรอได้ไม่เท่าไรก็ถึงคิวพอดีกับบอมบ์ที่อาสาไปซื้อน้ำกลับมา

เมฆนั่งลงที่เก้าอี้ด้านในตรงข้ามกับโค้กที่กำลังให้ไหล่เป็นที่พิงของเพ้นท์ โดยที่ตรงข้ามกับเพ้นท์นั้นเป็นบอมบ์ที่ถือจานเกี๊ยวกรอบเดินตามมาที่หลัง

เป็นที่รู้กันในกลุ่มว่าเวลาเพ้นท์เมาจะชอบทำตัวเหมือนกระดูกอ่อนไปทั้งร่าง คล้ายกับไม่มีสันหลัง เพราะงั้นจึงเป็นภาพคุ้นตาที่จะได้เห็นโค้กโอบเอวเพ้นท์คอยป้องกันการหงายหลังตกจากเก้าอี้

“เพ้นท์ กินมั้ย”

โน”

เพ้นท์ตอบเพียงสั้นๆ ก่อนจะซุกหน้าลงไปกับอกของเพื่อนที่โอบเอวไว้ แขนของโค้กกระชับเข้าหามากยิ่งขึ้นเพื่อให้ร่างกายของตัวเองเปลี่ยนเป็นที่พักพิงชั่วคราวแก่คนเมา

หัวทุยขยับตามการเคลื่อนไหวของเจ้าของที่พยายามจะไถ่ใบหน้าไปมากับเนื้อผ้าบริเวณอก คล้ายกับแมวเวลาอ้อน กลิ่นบุหรี่จากสถานบันเทิงลอยแตะจมูกที่ปลายจรดอยู่บริเวณกลุ่มผมสีน้ำตาล โค้กละสายตาจากแพขนตาที่เจ้าของกำลังหลับพริ้ม เงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่ทั้งสองที่ร่วมโต๊ะ

เมฆกำลังแชทกับใครสักคน ส่วนบอมบ์กำลังหันหลังไปอีกด้านเพื่อคุยโทรศัพท์

เท่านั้น ปลายจมูกก็ฝังลงไปสูดดมกลิ่นเจือจางของแชมพูหอม กระชับเอวจนแทบเป็นการโอบกอดมากกว่าการประคองร่างอย่างที่ควร

ฉวยโอกาส เขารู้ตัวเองดีว่าตัวเองกำลังทำแบบนั้น

ไม่นานนัก โค้กก็สะดุ้งตัวออกทันทีที่บอมบ์วางสายโทรศัพท์และหันกลับมาหันหน้าเข้าหาโต๊ะ

โค้กยิ้มเยาะให้ตัวเอง คงตลกน่าดูถ้ามีใครเห็นเขาสะดุ้งเมื่อครู่

และเมื่อครู่ มันก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่เขาปล่อยให้ด้านมืดในจิตใจครอบงำ

เขาหยิกต้นขาตัวเองเพื่อเรียกสติกลับมา



อย่าเผลอใจ ท่องเอาไว้สิไอ้โค้ก
เพ้นท์มีแฟนแล้ว
แล้วมึงก็เป็นแค่เพื่อนมันด้วย



ใกล้ตีสี่ ดีที่วันนี้ฟ้ายังไม่สว่างมากนัก เขาประคองเพ้นท์ออกมาจากร้านผัดไทย หลังจากที่พี่เมฆเช็คกับทุกคนในกลุ่มไลน์แล้วว่าคงมีแค่พวกเขาสี่คนที่กลับด้วยกัน

“ง่วงฉิบหาย ถ้าร่างกายปะทะแอร์เย็นๆตอนนี้กูต้องนอนแน่ๆ”

“เหมือนกันเลยว่ะพี่มึง”

รุ่นพี่ทั้งสองยืนบ่นอยู่ด้วยกันระหว่างที่ชะโงกหน้ามองหารถที่ตรงกับเลขทะเบียนที่ปรากฏในแอพพลิเคชั่นอูเบอร์

เขาหันกลับมาหาเพ้นท์

“ยืนดีๆเพ้นท์ ค่อยไปนอนต่อในรถ”

“แม่ง อ๊วกอีกรอบได้ป่ะวะ”

“อย่าเพิ่ง เดี๋ยวกูหาทำเลก่อน”

“ล้อ-เล่น!

ตามด้วยเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากและรอยยิ้มที่ทำให้เขาตาแทบพร่า อดไม่ได้ที่จะจับล็อคคอแล้วยีผมสีน้ำตาลด้วยความมันเขี้ยว เพ้นท์หัวเราะออกมายิ่งกว่าเดิม ยิ้มตาหยีจนทำให้เขาหัวเราะตามในที่สุด ก่อนทุกอย่างจะสะดุดอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกให้ขึ้นรถดังมา

บอมบ์ทำหน้าที่ทักทายคนขับพร้อมกับเปิดประตูไปนั่งเบาะหน้า เมฆหันมาหาเขา เปิดประตูให้ บอกให้เข้าไปนั่งกันก่อนแล้วตัวเองจะนั่งปิดท้าย เขาพยักหน้ารับ ฝากเพ้นท์ไว้ชั่วคราว เดินเข้าไปนั่งข้างในจนชิดประตูอีกฝั่ง ก่อนจะรับเพ้นท์ที่เมฆช่วยประคองให้เข้ามานั่งต่อ และประตูรถก็ปิดโดยเมฆที่เข้ามานั่งเป็นคนสุดท้าย

ไม่รู้ว่าฟ้าเข้าข้างหรือกลั่นแกล้ง

คราวนี้เขาไม่ต้องแอบดมกลิ่นแชมพู แต่เพราะขนาดรถที่ไม่ได้กว้างนักทำให้เรานั่งเบียดกันจนเพ้นท์แทบเกยขึ้นมานั่งบนตัก ก็แค่เกือบเท่านั้น

ภายในรถเงียบจนแทบไม่มีเสียงใด นอกจากการเสียงเครื่องปรับอากาศและลมหายใจ

และความเงียบทำให้เขาเริ่มคิดเรื่อยเปื่อย หาทางละความสนใจจากสิ่งล่อใจที่อยู่ใกล้ชิด ฉับพลันก็หวนนึกถึงเรื่องที่แพทเคยเล่าให้ฟังในวงเหล้าฉลองไฟนอลเทอมหนึ่งที่มีแค่พวกปีหนึ่งในตอนนั้น

ในจังหวะที่โด่งลุกออกจากวงไปตามจูเนียร์กับเพ้นท์ที่หายออกไปซื้อกับแกล้มกันพักใหญ่ แอลกอฮอล์ที่เข้าไปจำนวนไม่น้อยทำให้แพทเริ่มระบายความอัดอั้นออกมา

เรื่องที่พวกมึงสงสัย ก็เข้าใจถูกแล้วล่ะ กูชอบโด่ง  แต่เอาดีๆ การตกหลุมรักเพื่อนตัวเองนี่เป็นอะไรที่นักหนาสัด ถอยกลับก็ไม่ได้ ไปต่อก็ไม่ถึง’ คงหนักหนาจริงอย่างที่ว่า แพทยกแก้วขึ้นดื่มให้รื่นคอเพื่อพูดต่อ แล้วถ้าคิดจะสารภาพรักนะ ก็ต้องเตรียมใจที่จะเสียมันไปด้วยอีก บอกตามตรง กูไม่พร้อม คนบนโลกมีเป็นล้าน ทำไมกูต้องมาชอบเพื่อนตัวเอง โชคชะตาใจร้ายกับกูเกินไปล่ะ แม่งเอ้ย รู้จักกันก็แค่เทอมเดียว ทำไมความรู้สึกกูต้องมากมายขนาดนี้ด้วย

สัดแพท ค่อยๆแดก

กูพยายามจะยัดใส่สมองแล้วนะเว้ย ไอ้ชุดความคิดที่ว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อนงดงามที่สุดเนี่ย แต่กูทำไม่ได้ว่ะ กูคิดแบบนั้นไม่ได้ในเมื่อกูยังอยากจูบมันอยู่ทุกครั้งที่เห็นหน้ามัน

มึง อย่าร้องดิ

และเป็นตัวเขาเองที่ตบบ่าเบาๆให้กำลังใจแพทที่ร้องไห้จนสะอื้นออกมาในตอนนั้น ในตอนที่เขายังไม่มีความกล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง

การขับรถตอนกลางคืนบนถนนที่ว่างเปล่าคงจะทำให้บรรยากาศเหงาเกินไปที่จะปล่อยให้เงียบแบบนี้ เพลย์ลิสต์ถูกเปิดท่ามกลางความเงียบเฉียบโดยเจ้าของรถ โค้กไม่ได้สนใจฟังมากนักว่ามันเป็นเพลย์ลิสต์ที่จัดอยู่ในมู๊ดไหน เพราะตรงหน้าของเขา มีสิ่งที่ดึงดูดความสนใจยิ่งกว่านั้น

เพ้นท์

เพ้นท์ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา

เพ้นท์ที่เงยหน้าขึ้นมา

เพ้นท์ที่กำลังสบตา

เขาเผลอคิดในใจ ถ้าทั้งหมดนี้เป็นความฝันก็คงจะดี เขาต้องการที่จะเห็นภาพตัวเองสะท้อนอยู่บนนัยน์ตาของเพ้นท์ในทุกๆวัน

และเพลง เพื่อนรัก ของ The Parkinson คือเพลงที่กำลังถูกเปิดในรถ เป็นสิ่งสุดท้ายที่โค้กได้ยิน ก่อนหูจะอื้อไปทั้งหมด เมื่อเขาหลับตา และทาบริมฝีปากลงไปยังเป้าหมายที่ต้องการ



เปลี่ยนไปเป็นรัก รักจนหมดหัวใจ
รักเพียงแต่เธอ ขอเพียงให้เธอได้รู้



ริมฝีปากของเพ้นท์นุ่มกว่าที่เคยจิตนาการถึง แม้รสชาติจะเต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ที่ตัวเขาเองก็ดื่มมาไม่น้อย และเพราะหลับตาอยู่เลยไม่รู้ว่าภายนอกเปลือกตาที่ถูกปิดเป็นเช่นไร เขารับรู้เพียงว่าเพ้นท์ไม่ได้ผลักออก ยิ่งทำให้หยามใจกดจูบลงไปด้วยความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

ทว่าหยดน้ำที่สัมผัสกับแก้ม ทำให้เขายอมลืมตาขึ้นมาจากความฝัน

เผชิญกับความจริงตรงหน้า

สีหน้าของเพ้นท์ตื่นตระหนก น้ำตาไหลออกมาจนเหมือนคืนนั้นในความทรงจำของเขา

คืนที่เขาด่าว่าเพ้นท์ใจแตกด้วยความหึงหวง

คืนที่เขาทำให้เพ้นท์ร้องไห้

คืนที่หัวใจเขาเหมือนจะแหลกสลาย

ก่อนน้ำตาของเขาจะไหลออกมาบ้างในคืนนี้ คืนที่หัวใจของเขานั้นแหลกสลายอย่างแท้จริง

โค้กไม่แน่ใจ ว่าหัวใจของเขาสามารถแตกละเอียดเป็นชิ้นๆได้มากแค่ไหน รู้เพียงแค่ว่าในตอนนี้มันบีบรัด เจ็บจนเขาต้องพูดความในใจออกมา

สีหน้าของเพ้นท์เป็นเครื่องยืนยัน ว่าตัวเขานั้นไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

เขาเลยตัดสินใจสารภาพออกไป

“กูชอบมึง … ชอบจริงๆ ชอบมาตั้งนานแล้วด้วย”

……….

“อย่าทำหน้าแบบนี้ดิ”

 เขาแค่นหัวเราะ ยังคงส่งยิ้มให้ แม้ว่ามันจะบิดเบี้ยวเต็มที

 “มึงไม่ต้องห่วงหรอก กูจะเลิกชอบมึงแล้ว”

………

“กูจะเลิกชอบมึงแล้วจริงๆ”

เสียงสะอื้นที่หลุดออกมาในช่วงสุดท้ายของประโยคถูกกั้นด้วยการกัดปากตัวเองเอาไว้ โค้กหันหน้าหนีไปอีกทาง วางหน้าผากไว้ที่กระจก ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็น

เขาพอรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเจ็บ

แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้ ในวันที่เขาต้องเสียเพื่อนอย่างเพ้นท์ไปจริงๆ



ไม่มีอีกแล้ว เพื่อนที่เธอไว้ใจ
เหลือเพียงแต่คนๆ หนึ่ง
ที่เก็บซ่อนความรักไว้ไม่ไหว
ถ้าเธอไม่คิดอะไรอย่างนั้น
ก็แค่ทำว่าฉันไม่เคยพูดไป













  
 .....................
29/10/2017
สำหรับตอนสิบสามรออีกแป๊บนึงนะคะ ใกล้เข้ามาแล้วค่ะ ตัวพีทเองก็เช่นกัน ;_;
#มอฮพ